Disclaimer
บทความนี้เป็นมีไว้เพื่อศึกษาการลงทุนผ่านการปฎิบัติจริง
โดยใช้ความเห็นส่วนบุคคลในการนำเสนอ
ไม่ได้เป็นคำแนะนำที่เกี่ยวข้องกับองค์กรที่สังกัดแต่อย่างใด
รายละเอียดเป้าหมาย วัตถุประสงค์และนโยบายการลงทุน
สำหรับชุดบทความนี้ได้ที่ S1 EP01
มาเริ่มกันที่ S3 แล้ว เริ่มจะเข้าสู่ครึ่งทาง จากปีก่อนมีบทเรียนบางอย่างที่คิดว่าจะอยากจะปรับเพิ่ม อยู่เหมือนกัน มีอะไรบ้าง มาดูกัน
สิ่งที่จะปรับปรุงจาก S2
1. จะทำการ Track ราคาทุกสิ้นเดือน กองต่างประเทศ NAV ออกช้ากว่าก็ยืนตามวันสิ้นเดือน เทียบ BM กับ NAV ล่าสุดของกองที่ซื้อ
2. ส่งคำสั่งซื้อทุกวันที่ 1 ของเดือน
3. ถ้ากองไหนที่ทำ Underperform ครบ 3 เดือนจะทำการเปลี่ยนกอง
4. จะไม่พิมพ์แล้วขออัดเป็น VDO ดีกว่า เพราะรู้สึกใช้เวลาอยู่พอสมควร (ขอเวลา 1 เดือน ไปศึกษาวิธีการทำ VDO ก่อน)
โดยสรุป คือ สัดส่วนของพอร์ตจะเป็นไปตามเดิม และทุกเดือนจะเข้าซื้อแต่ละสินทรัพย์ตามสัดส่วนนี้ ไม่มีการ Adjust ว่าจะเทน้ำหนักไปซื้อสินทรัพย์ไหนมากกว่า
Thai Prop (Mixed) 10%
Thai EQ 20%
Global EQ 20%
Asia EQ 20%
Sector EQ Health 10%
Sector EQ Tech 20%
ซื้อสินทรัพย์เมื่ออยู่เหนือเส้น MA 20 และ 40 weeks
เมื่อสินทรัพย์ไหนอยู่ต่ำกว่า MA 20 และ 40 weeks ขายเก็บเข้า Thai Bond
อยู่ระหว่าง MA 20 และ 40 weeks หยุดซื้อสินทรัพย์นั้น
สัดส่วนเกิน 10% ของสัดส่วนที่วางไว้ ทำการขายไปเข้าสินทรัพย์อื่น
การเข้าซื้อเดือนนี้
Property << ยังไม่เข้าซื้อ
Thai EQ – << กลับซื้อต่อ
Asia EQ << ยังไม่เข้าซื้อ
Global EQ << เข้าซื้อต่อ
Sector EQ (Healthcare) << เข้าซื้อต่อ
Sector EQ (Tech) << เข้าซื้อต่อ
สรุปเดือนนี้ ยังไม่เข้าซื้อ Property กับ Asia โดยแบ่งตามนี้
1. กลับเข้าซื้อ Thai EQ 33,000 บาท (20% ของพอร์ต+1,000 ของเดือนนี้)
โดย switch จาก KFSPLUS -> TSF-A 17,000 บาท
switch จาก KFSPLUS -> TLMSEQ 15,000 บาท
และซื้อ TLMSEQ 1,000 บาท
2. K-CHANGE-A(A) 1,000 บาท
3. KFHHCARE-A 500 บาท
4. K-USXNDQ-A(A) 1,000 บาท
4. K-SFPLUS – 1,500 บาท
โอไมครอนระบาดหนัก ไม่รู้จะเป็นยังไง เดือนหน้าเจอกันครับ