Categories
Blog

รีวิวคอร์ส A-Academy DIY Portfolio #4

หลังจากที่ใช้เวลาไปหลายเดือนกับการดูวิดีโอบน A-Academy (http://www.a-academy.net/videos) ตั้งแต่ Series 1-9 ผมก็เริ่มพอร์ตตัวเองเป็นเดือนแรกตอนเดือน ม.ค. 61

ในช่วงต้นเดือน ก.พ. เห็น Ads ใน Facebook เกี่ยวกับคอร์สนี้พอดี เลยรีบลงทันที เพราะอยากรู้ว่าเราควรจะบริหารพอร์ตนี้ยังไงต่อดี (คือถ้าไม่ได้ลง Couse นี้ คง DCA ไปเรื่อย ๆ ตามแผนก่อน)

เลยขอมารีวิวคอร์สนี้กันซักหน่อย ว่าไปเรียนมาแล้วเป็นยังไงบ้าง โดยผมจะแบ่งรีวิวนี้ออกเป็นส่วน ๆ คือ

  • การเตรียมความพร้อมก่อนเรียน
  • เนื้อหา
  • สถานที่จัดงาน
  • อาหารและของว่าง
  • ความคุ้มค่า

เตรียมความพร้อมก่อนเรียน

ก่อนเริ่มเรียนประมาณ 1 เดือน ได้รับ Email จากคุณเอ แจ้งเรื่องการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าเรียน ว่าจำเป็นที่จะต้องมีความรู้พื้นฐานมาก่อน พร้อมแนบลิงค์ต่าง ๆ ที่ให้เข้าไปดูก่อนการเรียน ซึ่งส่วนใหญ่ก็อยู่ในเว็บ A-Academy นั่นแหล่ะ ซึ่งตรงนี้ผมรู้สึกว่า เป็นความใส่ใจกับผู้ที่ลงทะเบียน เพราะหลังจากที่เรียน ผมคิดว่าหากไม่ได้เข้าไปดูคลิปต่าง ๆ เหล่านั้น ตอนเรียนในคอร์สอาจจะพอมีพื้นฐานอยู่บ้าง ใครที่จะลงคอร์สในรุ่นถัดไป ผมแนะนำให้เข้าไปดูก่อนนะครับ 😊

 

ก่อนเริ่มเรียนประมาณ 2-3 วัน คุณเอ ส่ง Email มาอีก 1 ฉบับ แจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับสัมมนาตั้งแต่เรื่องของ กำหนดการ สถานที่จัดงาน การจองที่นั่ง การเดินทาง ที่จอดรถ สิ่งที่ในคอร์สเตรียมไว้ให้ สิ่งที่ต้องเตรียมมา พร้อมกับ Slide การเรียนการสอน ซึ่งค่อนข้างละเอียดครบถ้วนดี

พอคลิกดู Slide ที่จะใช้เรียน ก็แอบอึ้งเล็กน้อย เพราะเนื้อหาอัดแน่นมาก เห็นจำนวน Slide แล้วก็คิดว่า “จะสอนทันไหมเนี่ย”

 

เนื้อหา

การเรียนวันแรก

คอร์สนี้เริ่มเปิดลงทะเบียนตอน 8 โมงเช้า ผมไปถึงใกล้ ๆ 8 โมงพอดี คนเริ่มมากันแล้ว ลงทะเบียนเสร็จเลยไปหาที่นั่ง ซักพักคุณเอ ก็ขึ้นมา setup อุปกรณ์การสอน แล้วก็พูดคุยกับคนที่มานั่งกันแล้วในห้องสัมมนา

ไม่นานนัก ก็ถึงเวลาเริ่มเรียนกัน โดยวันแรกหลัก ๆ จะเน้นไปที่เรื่องสินทรัพย์และเครื่องมือ โดยคุณเอ พูดถึงภาพรวมของคอร์สก่อน จากนั้นก็เข้าเนื้อหาเลย ซึ่งไม่ได้ใช้เวลามากนักกับการพูดถึงเรื่องพื้นฐาน เช่น การวางแผนการเงินตามเป้าหมายประเภทต่าง ๆ แต่มี Workshop ให้ลองกด Financial Calculator กันดูตามเคสต่าง ๆ ซึ่งก็ทำให้เข้าใจการใช้เครื่องมือมาช่วยหาค่าต่าง ๆ ที่ไว้ใช้สำหรับการลงทุนในพอร์ตของตัวเอง เช่น ต้องมีเงินต้นเท่าไหร่ ใส่เดือนละเท่าไหร่ ถึงจะมีเงินตามเป้าที่วางไว้ โดยลงทุนในอัตราผลตอบแทนเท่าไหร่ เป็นเวลากี่ปี เป็นต้น เนื้อหาส่วนนี้เป็นเนื้อหาที่ไว้สำหรับการเริ่มต้นสร้างพอร์ตของตัวเอง

หลังจากนั้นก็เข้าสู่เนื้อหาหลักกันจริง ๆ คือเรื่องของประเภทสินทรัพย์ต่าง ๆ และเครื่องมือ (ซึ่งเน้นหนักไปที่กองทุนรวม) เนื้อหาในส่วนนี้ผมต้องขอปรบมือในกับคุณเอ และทีม Avenger Planner มาก ๆ เพราะข้อมูลในส่วนนี้ค่อนข้าง update ไม่ว่าจะเป็นรายชื่อกองทุนในแต่ละประเภททรัพย์สินหรือข้อมูลของกองที่คัดมาให้ดู คือเป็นข้อมูลใหม่มากทันต่อช่วงเวลาที่เรียน และอัดแน่นมากพูดตั้งแต่ ตราสารหนี้ไทย/เทศ, กองอสังหา, หุ้นไทย, กองหุ้นต่างประเทศในประเภทต่าง ๆ (มีหลากหลายประเภทมาก ส่วนตัวผมชอบเนื้อหาส่วนกองต่างประเทศมากที่สุด เพราะทำให้รู้ว่ายังมีทางเลือกในการลงทุนอีกเพียบ)

และช่วงท้ายของวันแรก มี Guest Speaker คุณณัฐ ขึ้นมาพูดเรื่องการลงทุนในเวียดนาม ซึ่งผมค่อนข้างสนใจ เพราะช่วงต้นปี 61 นี้ มีกองทุนเวียดนามทยอยออกมาเยอะ แล้วก็เป็นกระแสที่บอกว่าน่าสนใจ แต่พอได้ฟังแล้ว คิดว่าคงต้องให้เวลากับมันซักพักใหญ่เหมือนกัน

ในที่สุด วันแรกจบ แต่เนื้อหาวันแรกยังไม่จบ จึงต้องทบต่อยอดเรื่องสินทรัพย์ทางเลือกไปในวันที่สอง

 

การเรียนวันที่สอง

ในวันที่สอง คุณเอ เริ่มสอนค่อนข้างตรงเวลา 8 โมงครึ่ง โดยเริ่มเนื้อหาที่ค้างไว้จากวันแรกก่อนคือเรื่องสินทรัพย์ทางเลือก ซึ่งก็พูดถึงทองคำ, น้ำมัน, สินค้าโภคภัณฑ์, Bitcoin และกองทุนรวมผสมอื่น ๆ ในส่วนนี้คุณเอไม่ได้เน้นมากนัก จะลงรายละเอียดมากหน่อยก็เรื่องทองคำ เพราะจะเข้ามาช่วยเราในพอร์ตยามที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจได้

ประมาณ 10 โมงก็เข้าสู่เนื้อหาของวันที่ 2 คือเรื่องแผนและกลยุทธ์การลงทุน โดยเนื้อหาในส่วนนี้จะเน้นไปที่วิธีการบริหารจัดการพอร์ตสำหรบการลงทุนระยะยาวว่าเราควรจะต้องจัดการกับมันอย่างไร โดยคุณเอ ให้ความสำคัญกับระหว่างทางค่อนข้างมากเพื่อไม่ให้ Fail หรือท้อไปซะก่อนระหว่างการลงทุนให้ถึงเป้าหมาย

เนื้อหาในส่วนนี้สำหรับผมที่เพิ่งเริ่มสร้างพอร์ตของตัวเองต้องบอกก่อนว่าค่อนข้าง Advance คงต้องมีการทบทวนต่อเป็นแน่แท้ โดยเนื้อหาจะเริ่มต้นจากการออกแบบพอร์ตสำหรับการลงทุนระยะยาว (Strategic Asset Allocation) ว่าควรมีสินทรัพย์แต่ละประเภทอยู่ที่กี่ % เพื่อให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้และประเมินดูว่าความเสี่ยงที่สามารถเกิดขึ้นได้นั้นเราสามารถรับได้หรือไม่ จากนั้นต่อด้วยเรื่องการปรับกลยุทธ์ของพอร์ต (Tactical Assest Allocation, Core & Satellite Strategy) โดยดูจากตัวชี้วัดและแนวโน้มต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ณ เวลานั้น เพื่อให้เราคาดการณ์และตัดสินใจได้ว่าเราควรจะทำการปรับพอร์ตอย่างไรบ้าง (เข้า-ออก-อยู่เฉย ๆ) และเรื่องการบริหารความเสี่ยงของพอร์ต ซึ่งส่วนตัวผมชอบเนื้อหาส่วนนี้มาก เพราะมีกล่าวถึงวิธีการที่จะทำให้พอร์ตของเราสามารถลดอัตราการสูญเสีย (พอร์ตติดลบ) ให้น้อยลงได้ ด้วยวิธี Quantitative Tactical Asset Allocation

และปิดจบในวันที่สองด้วยเรื่องของการ Review พอร์ต เป็นการติดตามดูผลงานว่าในรอบนี้เราทำกำไร (ขาดทุน) ไปกี่เปอร์เซ็นต์ เทียบกับแผนแล้วเป็นอย่างไร การหา Benchmark เพื่อดูว่าพอร์ตเราทำผลงานได้ดีแค่ไหน และการปรับสมดุลของพอร์ตด้วยการทำ Rebalance

หลังจากเรียนจบ คุณเอ บอกกับผู้เข้าร่วมสัมมนาว่า เนื้อหาในวันที่สองนั้นไม่จำเป็นต้องทำทีเดียวทั้งหมด ค่อย ๆ ทำไปทีละนิด ๆ เพราะหลักสูตรนี้เน้นในการลงทุนระยะยาวเพื่อให้สามารถไปถึงเป้าหมายได้ และก็ฝากการบ้านมาให้ทุกคนทำเป็นอันจบของเนื้อหาในคอร์สนี้

 

สถานที่จัดงาน

สำหรับสถานที่จัดงานรอบนี้จัดที่ โรงแรม วินเซอร์ สวีทส์ โฮเทล (สุขุมวิท 20) ซึ่งสำหรับผมแล้วค่อนข้างโอเคมากในเรื่องที่จอดรถ เพราะบางสัมมนาที่เคยไปมา ที่จอดรถจะมีปัญหาค่อนข้างมาก บางครั้งต้องไปจอดอีกสถานที่นึงแล้วเดินมา หรือนั่งรถต่อมาอีกที หรือบางที่ไปแล้วต้องมีเสียค่าจอดรถแยกต่างหาก แต่รอบนี้ไม่มีปัญหาเหล่านี้เลยสะดวกมาก ลิฟต์จากที่จอดรถขึ้นที่หน้าห้องสัมมนาได้เลยและสามารถแสตมป์บัตรจอดรถจอดฟรีได้ทั้งวัน

แต่เรื่องที่อาจจะดูไม่สะดวกซักหน่อยคงเป็นเรื่องของการกินอาหารกลางวัน ที่ต้องต่อแถวรอลิฟต์กันค่อนข้างเพื่อที่จะลงมากินข้าวที่ชั้นล่างซึ่งใช้เวลาพอสมควร ผมเลยเห็นหลายคนเดินลงบันไดกันก็เลยเดินลงตามกันมาจากชั้น 11 ไปที่ชั้น G แต่ก็พอรับได้ ส่วนตอนกินเสร็จดีหน่อยเพราะคนทยอยขึ้นลิฟต์กันไปต้องรอคิวกันนานเหมือนตอนลงมากินที่ชั้นล่าง

 

อาหารและของว่าง

อาหารและของว่างของสัมมนารอบนี้เป็นบุฟเฟต์ ซึ่งส่วนตัวผมว่าอาหารกลางวันรสชาติใช้ได้เลยทีเดียว มีให้เลือกหลากหลาย ในส่วนของวันแรกอาจจะดูวุ่นวายนิดหน่อยแต่ว่าพนักงานโรงแรมก็จัดการได้ค่อนข้างดี

สำหรับของว่างตอนเบรคมี 2 ช่วงเช้า บ่าย ซึ่งก็มีเพียงพอต่อผู้เข้าสัมมนา แต่จะมีจุดเติมชา กาแฟซึ่งคิวค่อนข้างยาว ทางโรงแรมน่าจะจัดไว้หลายจุดซักหน่อยจะได้ระบายคนในแถวได้ดีกว่านี้ แต่เนื่องจากว่าผมไม่ดื่มชากาแฟเลยไม่มีปัญหาตรงนี้ 😀

 

ความคุ้มค่า

โดยสรุปแล้วงานสัมมนารอบนี้ ด้วยราคาค่าใช้จ่าย 4,500 บาท สำหรับ 2 วัน กับเนื้อหาและอาหารของว่างแบบนี้ ผมว่าค่อนข้างคุ้มค่ามาก หากทาง A-Academy มีจัดสัมมนาที่มีเนื้อหาต่อยอดจากคอร์สนี้ ด้วยราคาประมาณนี้ ผมจะไม่ลังเลที่จะลงทะเบียนต่อเลย

Facebook Comments